เกิดแผ่นดินไหว 8.9 ริคเตอร์ ในญี่ปุ่น ชาวกรุงโตเกียววิ่งแตกตื่นลงมาจากอาคาร สึนามิกวาดรถอาคารลงทะเล เตือนอาจสูง 10 เมตร เครือข่ายโทรศัพท์ในโตเกียวล่มไฟดับ คาดตายอย่างน้อย 1 บาดเจ็บราว 30 คน
(11มี.ค.2554) เกิดแผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 8.9 ริคเตอร์ ที่อาคารหลายแห่งในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่น สามารถรับความรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ ประชาชนพากันวิ่งหนีออกจากอาคารด้วยความตื่นตระหนก นอกจากนี้ ยังเกิดคลื่นยักษ์สึนามิพัดถล่ม ส่งผลให้เรือหลายลำพุ่งชนชายฝั่ง และกวาดเอารถยนต์บนถนน ในเมืองชายฝั่งลงไปในน้ำด้วย ที่เมืองมิยางิ ที่อยู่ชายฝั่งของเกาะฮอนชู มีรายงานผู้บาดเจ็บแล้วหลายคน แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตในขณะนี้ ภาพจากโทรทัศน์ ได้แสดงให้เห็นน้ำสายน้ำที่กำลังท่วมเป็นบริเวณกว้าง
แผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อช่วงบ่าย ทำให้อาคารหลายแห่งในกรุงโตเกียว ที่ได้ชื่อว่ามีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดถึง 30 ล้านคน สั่นสะเทือน มีรายงานเหตุเพลิงไหม้อย่างน้อย 6 แห่ง ในกรุงโตเกียว ซึ่งขณะนี้ระบบรถไฟใต้ดินได้ถูกระงับบริการโดยสิ้นเชิง มีเสียงไซเรนดังกระหึ่มทั่วเมือง
สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยา ระบุว่า จุดที่เกิดแผ่นดินไหว อยู่ห่างไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียวราว 382 กิโลเมตร ซึ่งญี่ปุ่นตั้งอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า วงแหวนแห่งไฟที่เป็นศูนย์กลางของภูเขาไฟ และแผ่นดินไหว ขณะที่กรุงโตเกียว ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเมืองที่ตั้งอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุด เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดที่มีการบรรจบกันของรอยเลื่อน 3 แห่งคือ ยูเรเซีย , แปซิฟิก และฟิลิปปินส์ ซี
หลังเกิดแผ่นดินไหว มีการออกคำเตือนสึนามิ ทั้งในญี่ปุ่น ไต้หวัน รัสเซีย หมู่เกาะมาเรียน่า ฟิลิปปินส์ เกาะกวม หมู่เกาะมาแชลส์ อินโดนีเซีย ปาปัว นิวกินี นาอูรู ไมโครนีเซีย และฮาวาย
ในส่วนของความปลอดภัยของโรงงานนิวเคลียร์ และรถไฟหัวกระสุนนั้น ได้รับการออกแบบมาให้ปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหว และอาคารหลายแห่งก็ผ่านการออกแบบมาเพื่อให้ทนรับแรงสั่นสะเทือนได้ รวมถึงใช้เหล็กและคอนกรีตอย่างหนา ที่ใช้งบประมาณมหาศาลในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
ด้านสำนักงานพยากรณ์อากาศของไต้หวัน ได้เตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทางตะวันออกและตะวันออกเฉียงเหนือ ให้ระวังภัยสึนามิ จากผลพวงแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น เช่นเดียวกับรัสเซีย ที่ออกประกาศเตือนภัยสึนามิ ที่หมู่เกาะคูริล พร้อมกับอพยพประชาชนส่วนฟิลิปปินส์ ได้เตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ชายฝั่งด้านตะวันออก แต่ยังไม่มีคำสั่งอพยพ แต่ให้ระวังภัยจากสึนามิ
ด้านสถานีโทรทัศน์ NHK รายงานว่า มีควันไฟสีดำพวยพุ่งขึ้นมาจากอาคาร โอไดบะ ชานกรุงโตเกียว ซึ่งแรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ถึงกรุงปักกิ่งของจีน มีการเตือนเรื่องคลื่นสูง 6 เมตร ที่จังหวัดมิยางิ นอกจากนี้ ยังแพร่ภาพสึนามิพัดถล่มพื้นที่ทางเหนือ ทำให้รถยนต์ รถบรรทุก บ้านและอาคารหลายหลัง ถูกกวาดลงน้ำเมืองโอนาฮามะ ใจจังหวัดฟูกุชิม่า
(14 มี.ค.2554) สำนักงานข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.9 ริกเตอร์ถล่มนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศญี่ปุ่น มีผู้เสียพุงกว่า 2,000 ราย
มีรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตเป็นทางการ 1,596 ราย ส่วนที่จังหวัดมิยากิยืนยันยอดผู้เสียชีวิต 643 ราย สำหรับยอดผู้สูญหายมีประมาณ 10,000 ราย
ด้านนายเจษฎา กตะเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้สถานทูตไทยประจำกรุงโตเกียว กำลังติดต่อคนไทยในญี่ปุ่น โดยมีคนไทยอยู่ใน จ.มิยากิ 250 คน ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิหนักที่สุด และในวันนี้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยร่วมกับสถานทูตอาเซียนจะเข้าไปในพื้นที่ เพื่อค้นหาคนที่ยังติดต่อไม่ได้ หลังจากติดต่อคนไทยได้เพียง 20 คน เนื่องจากการสื่อสารขัดข้อง
ขณะเดียวกัน ยังได้ตั้งจุดให้ความช่วยเหลือคนไทยที่วัดปากน้ำ ซึ่งอยู่ในกรุงโตเกียว อย่างไรก็ตาม ยังไม่จำเป็นต้องจัดเเที่ยวบินไปรับ เพราะมีเที่ยวบินตามปกติ ยังสามารถเปิดให้บริการ แต่ทางกองทัพอากาศก็ได้เตรียมเครื่อง C-130 ไว้พร้อมแล้วเช่นกัน ส่วนอาหารและน้ำยังไม่ขาดแคลน เพราะในโตเกียวมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ไว้อย่างดี
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ ยังได้เปิดรับบริจาคอาหารแห้ง เครื่องกันหนาว ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00-16.00 น. ทั้งที่ ถ.ศรีอยุธยา และแจ้งวัฒนะ
(17 มีนาคม) รายงานของสำนักข่าวซินหัว ในครั้งนี้ ระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น ได้มีการแจ้งปรับยอดจากการสรุป เมื่อช่วงเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เป็นอัพเดทใหม่ ณ เวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ว่า มียอดผู้เสียชีวิต ทั้งสิ้น 5,178 ราย สูญหาย 8,606 ราย ทั้งนี้ รายงานยังระบุด้วยว่า มีผู้ได้รับความเดือดร้อนจากแผ่นดินไหว 9.0 ริกเตอร์ และสึนามิถล่มสูงถึง 380,000 คน จาก 8 เขตการปกครอง มีบ้านเรือน ประชาชนได้รับความเสียหายจากไฟไหม้ 100,300 หลังคาเรือน อย่างไรก็ตาม ยังมีการคาดการณ์ว่า ตัวเลขจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นอีก เพราะว่ายังมีหลายพื้นที่ ยังไม่สามารถส่งทีมงานเข้าไปค้นหาได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น